พฤศจิกายน 30, 2023

รีสตาร์ท พรีเมียร์ลีก นัดตกค้าง เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา เป็นคู่ “บิ๊กแมตช์” ระหว่างเจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูงเปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 9 

    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัด เควิน เดอ บรอยน์ ป้นเกมรุกอยู่หลัง ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส และราฮีม สเตอร์ลิง ส่วน มิเกล อาร์เตต้า ของอาร์เซน่อล วาง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ล่าตาข่ายโดยมีดาวรุ่งอย่าง บูกาโย่ ซาก้า, โจ วิลล็อค และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ สนับสนุน

    ครึ่งแรกเริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 2 นาที “ปืนใหญ่” ได้ทักทายก่อนเลยหลัง แบร์นด์ เลโน่ เปิดบอลยาวให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ หลุดเข้าไปยกบอลหนี เอแดร์ซอน แต่บอลสูงข้ามคานไป แถมผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะที่ เอ็นเคเทียห์ ล้ำหน้าไปก่อน

จากนั้น นาทีที่ 4 “เรือใบสีฟ้า” มาได้ลุ้นฟรีคิกกว่า 20 หลา เควิน เดอ บรอยน์ วิ่งมาปั่นด้วยขวาเต็มแรงบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ยังไปติดมือของ เลโน่ ที่ปิดข้ามคานหวุดหวิด

    นาทีที่ 8 อาร์เซน่อล ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็วหลัง กรานิต ชาคา บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวทำให้ต้องส่ง ดานี่ เซบายอส ลงเล่นแทน

    นาที 13 ไอ้ปืนใหญ่ สวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง บูกาโย่ ซาก้า หลุดขึ้นไปทางขวาก่อนครอสเข้ากลางมาให้ เอ็นเคเทียห์ วิ่งมายิงด้วยขวาหลุดกรอบไป

    นาที 24 มิเกล อาร์เตต้า นายใหญ่ของอาร์เซน่อลต้องปวดหัวอีก หลัง ปาโบล มารี เซ็นเตอร์แบ็กมาเจ็บกล้ามเนื้ออีกคน ก่อนจะเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง ดาวิด ลุยซ์ ลงเล่นแทน

 นาที 34 “เรือใบสีฟ้า” เกือบได้ประตูขึ้นนำ หลัง ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดด้วยขวาเต็มแรงแต่ยังเป็น  แบร์นด์ เลโน่ ที่พุ่งปัดออกหลังไปหวุดหวิด

    อีกสองนาทีต่อมา กาเบรียล เชซุส แทงทะลุช่องให้ ดาบิด ซิลวา หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายแต่บอลก็ยังไปติดมือ แบร์นด์ เลโน่ ที่โชว์เหนียวเซฟได้อีก

    นาที 37 เลโน่ ยังโชว์ฟอร์มเป็นพระเอกอีก หลัง ริยาด มาห์เรซ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายเหน่งๆแต่ยังโดนนายด่านเลือดเยอรมันเซฟไว้ไดีอีก

    เกมรับของทัพปืนใหญ่ปั่นป่วน นาที 40 เควิน เดอ บรอยน์ แทงบอลทะลุให้ สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปชิพบอลข้ามตัว เลโน่ ข้ามคานไปชนิดได้เสียว

MANCHESTER, ENGLAND – JUNE 17: Raheem Sterling of Manchester City scores his team’s first goal is challenged by Shkodran Mustafi of Arsenal during the Premier League match between Manchester City and Arsenal FC at Etihad Stadium on June 17, 2020 in Manchester, United Kingdom. (Photo by Matt McNulty – Manchester City/Manchester City FC via Getty Images)

ช่วงทดเจ็บนาที 45+2 “เรือใบสีฟ้า” มาพังตาข่ายขึ้น 1-0 จนได้ จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดบอลเข้าไป ดาวิด ลุยซ์ พยายามพักบอลด้วยหน้าขาแต่บอลปลิ้นหนีตัวจนโดน ราฮีม สเตอร์ลิง ใช้ความเร็วควบเข้าไปหวดด้วยขวาเต็มข้อผ่านตัว เลโน่ เข้าไปอย่างเด็ดขาด

ลูกทีมของ เป๊ป ยังเดินหน้ารุกเต็มที่ นาทีที่ 60 ได้ลุ้นอีกหลัง กาเบียล เชซุส ตั้งป้อมซัดนอกกรอบบอลพุ่งแรงแต่ยังไปตรงตัว แบร์นด์ เลโน่ 

    นาที 70 เจ้าบ้านโหมโจมตีต่อเนื่อง ราฮีม สเตอร์ลิง ไหลบอลต่อให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้กดด้วยขวาบอลพุ่งแต่ยังไม่ผ่านมือ แบร์นด์ เลโน่ ที่เซฟเป็นที่ 7 ของเกม

    นาที 81 “เรือใบ” มาเสีย เอริค การ์เซีย ที่บาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำให้ เป๊ป ต้องเปลี่ยนเอา 

    ช่วงทดเจ็บ นาที 90+2 เจ้าบ้านมาได้ประตูนำห่างเป็น 3-0 จากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง จ่ายมาเสาไกลให้ กุน อเกวโร่ ตัวสำรองยิงไปติดเซฟ แบร์นด์ เลโน่ ก่อนบอลจะชนเสามาเข้าทาง ฟิล โฟเด้น ยิงซ้ำเข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ทุบเอาชนะ อาร์เซน่อล ที่เหลือ10คนไปได้ 3-0 คว้าสามแต้มนั่งรองฝูงต่อไปโดยมี 60 คะแนน ส่วน อาร์เซน่อล รั้งอันดับ 9 มี 40 คะแนน 
    
    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เอแดร์ซอน – ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริค การ์เซีย, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ (แฟร์นันดินโญ่ น.70), เบนฌาแม็ง เมนดี้ – อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์ (โรดรี้ น.77), ดาบิด ซิลบา (แบร์นาร์โด ซิลวา น.65) – ริยาด มาห์เรซ (ฟิล โฟเด้น น.65), ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส (เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” น.80)

        อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : แบร์นด์ เลโน่, เอคตอร์ เบเยริน, ปาโบล มารี (ดาวิด ลุยซ์ น.24 (ใบแดง น.49), ชโคดราน มุสตาฟี่, คีแรน เทียร์นี่ย์, – กรานิต ชาคา (ดานี่ เซบายอส น.10), มัตเตโอ เก็นดูซี่ (เอนสลี่ย์ เมดลันด์ ไนล์ส น.67) – บูกาโย่ ซาก้า, โจ วิลล็อค (รีสส์ เนลสัน น.67), เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ (อเล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ น.67)- ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

ผู้ตัดสิน : แอนโทนี่ เทย์เลอร์