ปารีสถอนแค้นสำเร็จ บุกเอาชนะ แมนยู ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดถึง 3 – 1 ประตู
แมนฯ ยูไนเต็ด ส่ง เอดินสัน คาวานี่ ที่กำลังฟอร์มดี ลงตัวจริงเจอทีมเก่า ส่วน เปแอสเช จัดเต็มมีทั้ง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ และ เนย์มาร์ แต่เด็กเก่าอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย เป็นสำรอง โดยนัดแรกที่เจอกัน ผีแดงบุกชนะได้หวุดหวิด 2-1
เริ่มเกมมาเพียง 6 นาที ทีมเยือนจากฝรั่งเศสเป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0 เมื่อ เอ็มบั๊ปเป้ เลี้ยงลุยจากขวาก่อนทำชิ่งกับ เนย์มาร์ แล้วยิงด้วยซ้ายติดบล็อก บอลเด้งเกือบออกเส้นหลังฝั่งขวาแต่ เนย์มาร์ ยังไวตามไปตวัดยิงมุมแคบเข้าไปอย่างเด็ดขาด
นาที 17 เนย์มาร์ ได้ลุ้นอีกจังหวะเมื่อเก็บบอลในเขตโทษฝั่งขวาก่อนตวัดยิง แม้บอลจะพุ่งไปเสาไกลแต่น้ำหนักเบาไป ดาบิด เด เคอา จึงรับเข้าซองสำเร็จ
อีก 5 นาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบเหลือผู้เล่นน้อยกว่าเมื่อ เฟร็ด เจตนาใช้หัวโขก เลอันโดร ปาเรเดส ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์แล้ว แต่ให้เพียงใบเหลืองกับกองกลางผีแดง ขณะที่ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเปแอสเชก็โวยวายหนักข้างสนาม
ผีแดงตามตีเสมอ 1-1 จนได้ในนาที 32 อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ยิงจังหวะแรกติดเซฟบอลเด้งออกขวา อารอน วาน-บิสซาก้า ตบกลับมาให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซัดด้วยขวาระยะ 16 หลา บอลไปโดนขา ดานีโล่ เปเรยร่า ที่พยายามสกัดทำให้บอลเบียดเสาเข้าประตูไป ขณะที่ เกย์ลอร์ นาวาส เสียจังหวะไปแล้ว
ท้ายครึ่งแรกไม่มีจังหวะลุ้นน่าสนใจเมื่อทั้งสองทีมหนักไปที่ทำฟาวล์ตัดเกมกัน ทำให้จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1
ครึ่งหลังนาที 57 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูสุดๆ เมื่อได้โต้กลับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ไหลให้ คาวานี่ หลุดเดี่ยวก่อนชิพบอลข้ามหัว เกย์ลอร์ นาวาส อย่างเหนือชั้น ทว่าบอลชนคานอย่างจัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส วิ่งมาเก็บตกตวัดให้ มาร์กซิยาล กดเน้นๆ ในเขตโทษ แต่ผู้เล่นทีมเยือนพุ่งบล็อกทำให้บอลเด้งออกหลังหวุดหวิด
เปแอสเช เกือบได้เช่นกันในนาที 64 จากจังหวะที่ อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ลุยถึงเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนตักให้ มาร์กินโญส โขกโล่งๆ ไม่ถึงสิบหลา บอลข้ามหัว เด เคอา ไปแล้ว แต่ตกหลังคานเต็มๆ
จากนั้น ทีมเยือนเริ่มเปลี่ยนตัวโดยที่ อันเดรย์ เอร์เรร่า เด็กเก่าผีแดงได้ลงสนามด้วยแทนที่ เลอันโดร ปาเรเดส
นาที 69 เปแอสเช ก็นำ 2-1 จนได้เมื่อแนวรับผีแดงเคลียร์บอลไม่ขาด เอร์เรร่า ได้ซัดหน้าเขตโทษ บอลไม่เข้ากรอบแต่พุ่งไปหา ดับดู ดิยัลโล่ ได้ตวัดไปหน้าประตูถึง มาร์กินโญส ที่จิ้มจ่อๆ สวนตัว เด เคอา เข้าไป
สถานการณ์ของผีแดงแย่ลงต่อเนื่องเมื่อนาที 70 เฟร็ด เหลือผู้เล่น 10 คนจนได้เมื่อทำฟาวล์เพื่อนเก่า เอร์เรร่า ทำให้ได้ใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดง
ผีแดงมีโอกาสตีเสมอในท้ายเกมเมื่อ ปอล ป็อกบา ที่ลงสำรองได้จังหวะวอลเล่ย์หน้าเขตโทษ บอลพุ่งแรงเอาเรื่องแต่ว่าเฉียดคานออกหลังไปนิดเดียว
ทว่าช่วงทดเจ็บกลับเป็น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่มาได้ประตูย้ำชัยจากจังหวะเลี้ยงลุยของ ราฟินญ่า ก่อนถวายพานให้ เนย์มาร์ ซัดโล่งๆ เป็น 3-0 และเป็นประตูที่ 2 ของ เนย์มาร์ ในนัดนี้
ทำให้จบเกม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง บุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 ถอนแค้นคืนแถมพร้อมเฮด ทู เฮด ที่กลับมาดีกว่า และทำให้กลุ่มนี้ได้ลุ้นเข้ารอบกันระทึกในนัดสุดท้ายเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ แอร์เบ ไลป์ซิก มี 9 คะแนนเท่ากัน โดยที่นัดสุดท้าย ผีแดงต้องไปเยือนไลป์ซิก ส่วน เปแอสเช ได้เจอ อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ ที่ตกรอบไปแล้ว