เริ่มเกมมาได้ 6 นาที ปิศาจแดง ทักทายก่อนเมื่อทาง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้วางเท้ายิงไกลหน้าเขตโทษแต่บอลหลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 16 เป็นจังหวะเข้าทำของ บียาร์เรอัล เมื่อ ดานี่ ปาเรโฆ วางข้ามไปเสาไกล มานู ตรีเกวโรส สอดมายิงแต่โดนไม่เต็มบอลข้ามคานออกหลัง
เรือดำน้ำสีเหลือง ลุยมาอีกครั้ง หนนี้ในนาที 23 การ์ลอส บักก้า ไขว้โยนมาให้ เปา ตอร์เรส โขกข้ามคาน
จนนาทีที่ 29 ตัวแทนจากสเปนออกนำ 1-0 ในจังหวะได้ฟรีคิกทางซ้าย ดานี่ ปาเรโฆ สาดโค้งเข้าเขตโทษ เคราร์ด โมเรโน่ วิ่งสอดเข้าไปชาร์จบอลผ่าน ดาบิด เด เคอา เสียบตาข่าย
ช่วงทดเวลา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นเมื่อทาง เมสัน กรีนวูด ลากหนีมาทางขวาก่อนตบเข้ากลางไปโดน ราอูล อัลบิโอล แต่บอลเข้ามือ เคเรนีโม่ รูยี่
ครึ่งหลัง ผีแดง เดินหน้าลุยแหลกและตีเสมอในนาที 55 จากเตะมุมทางซ้าย ลุค ชอว์ เปิดเข้ากลางโดนสกัดมาหน้าเขตโทษ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงติดบล็อกบอลเข้าทางปืน เอดินสัน คาวานี่ ยิงไม่พลาด
วีเออาร์ ใช้เวลาตรวจสอบว่ากองหน้าชาวอุรุกวัยล้ำหน้าหรือไม่ แต่หลังจากพิจารณาความถูกตต้องสักพักผู้ตัดสินให้เป็นประตูของ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1
โอกาสทองของตัวแทนจากอังกฤษในนาที 70 บรูโน่ แฟร์นันด์ส ตบจากขวามาให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ชาร์จจ่อๆ หลุดกรอบไม่น่าเชื่อว่า ซึ่งนักเตะของ บียาร์เรอัล พยายามประท้วงว่าล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะกองกลางโปรตุเกสหลุดขึ้นมา
นาทีต่อมา แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกากอีกครั้ง ลุค ชอว์ ล็อกหลบทางซ้ายก่อนจะเปิดยัดเข้ากลาง เอดินสัน คาวานี่ โขกเต็มๆ แต่บอลติดบล็อกกองหลัง
จบเกม 90 นาทีเสมอ 1-1 ต้องเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาทีเพื่อหาผู้ชนะ
เล่ยมาถึงนาที 100 บียาร์เรอัล เกือบได้โอกาสทองเมื่อทีมบีบบจนฝ่ายตรงข้ามเสียบอลแต่ทาง ปาโก้ อัลกาเซร์ ยิงข้ามคานออกหลังไปไกล
จบเกม 120 นาทีเสมอ 1-1 ต้องดวลจุดโทษตัดสิน ปรากฏว่า บียาร์เรอัล ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ 11-10 พร้อมกับคว้าแชมปป์ ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ไปครองได้สำเร็จ