พลิกชนะสุดช็อคหลังโดนปารีสยิงก่อนถึง 2 ลูกโมนาโก รัวครึ่งหลังชนะไป 3 – 2 ประตู ในลีก เอิง
โมนาโก ไม่มี วิสซาม เบน เยแดร์ กองหน้าตัวเก่งที่ติดเชื้อโควิด-19 ส่วน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ ฟิตลงตัวจริง ขณะที่ เนย์มาร์ เป็นสำรอง
ปารีส ได้ประตูนำก่อน 1-0 ในนาที 25 อังเคล ดิ มาเรีย ดีดบอลให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ วิ่งเบียดกับ อักเซล ดีซาซี่ ก่อนถึงบอลก่อนแล้วกดด้วยขวาระยะ 12 หลาไม่เหลือซาก
นาที 36 ปารีส มาได้จุดโทษในจังหวะที่ ยุสซูฟ โฟฟาน่ พุ่งเสียบ — ในจังหวะเปิดบอล ผู้ตัดสินเป่าทันทีก่อนเป็น เอ็มบั๊ปเป้ รับหน้าที่ยิงเสียบมุมขวาตัวเองอย่างเฉียบขาด
อีก 3 นาทีถัดมา เปแอสเช ส่งบอลตุงตาข่ายได้จาก มอยส์ คีน ที่ดีดบอลเข้าไปจากการโหม่งคืนหลังไม่ดีของแนวรับโมนาโก แต่วีเออาร์ยืนยันว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปแล้ว
นาทีสุดท้ายครึ่งแรก ปารีส ส่งบอลตุงตาข่ายอีกครั้งจากการหลุดไปยิงของ เอ็มบั๊ปเป้ ที่งัดบอลข้ามตัว วีโต้ มานโนเน่ สุดสวย ทว่าล้ำหน้าเหมือนเดิม จากนั้นจบครึ่งแรก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง บุกนำ โมนาโก 2-0
ครึ่งหลัง นิโก้ โควัช กุนซือโมนาโกปรับเกมส่ง เชส ฟาเบรกาส กองกลางจอมเก๋าลงสนาม วิลเล่ม กับเบลส์
โมนาโก ตีไข่แตกได้ในนาที 52 เกลซอน มาร์ตินส์ ได้ยิงในเขตโทษติดบล็อก คิมเพมเบ้ ก่อนเด้งเข้าทาง เควิน โฟลลันด์ จับเน้นๆ แล้วยิงระยะ 7 หลาตุงตาข่ายเปลี่ยนสกอร์เป็น 2-1
เกมรุกของ ปารีส ดูดร็อปๆ ไปในครึ่งหลังทำให้นาที 60 ต้องปลี่ยนตัวส่ง เนย์มาร์ ลงแทน ดิ มาเรีย
ทว่ายังเป็น โมนาโก ที่เล่นได้คึกคักและตามตีเสมอ 2-2 ได้ในนาที 65 โซฟียาน ดิย็อป ตักบอลเข้าเขตโทษให้ เชส ฟาเบรกาส เกี่ยวได้ก่อน นาวาส บอลทะลักถึง โฟลลันด์ ยิงโล่งๆ เข้าไป
นาที 68 ปารีส ได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะไม่ต่ำกว่า 25 หลา เนย์มาร์ รับหน้าที่ปั่นเข้ากรอบ แต่ วีโต้ มานโน่เน่ รับติดมือไม่พลาด
ท้ายเกมนาที 82 โมนาโก มาได้จุดโทษในจังหวะที่ อับดู ดิยัลโย่ เข้าฟาวล์ข้างหลังใส่ เควิน โฟลลันด์ แถมผู้ตัดสินมาเช็กวีเออาร์เพิ่มแล้วแจกแดงให้ ดิยัลโล่ จากนั้น ฟาเบรกาส รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปไม่พลาดส่งให้ โมนาโก แซงนำ 3-2
จากนั้น ปารีส พยายามโหมรุกสุดตัวหวังตีเสมอให้ได้ แต่ไม่สำเร็จ จบเกมเป็น โมนาโก ที่โชว์ลูกฮึดแซงชนะไปได้อย่างสะใจ 3-2 พร้อมกระโดดขึ้นมาอยู่รองฝูง ตามหลังปารีส 4 คะแนน